เมืองเทิงหรือเวียงเทิงเป็นเมืองขนาดใหญ่
ตั้งอยู่บนเนินเขาคลุมทั้งสองฟากแม่น้ำอิง
ควบคุมเส้นทางคมนาคมที่สำคัญในลุ่มน้ำอิง
ภายในเขตเมืองทั้งสองฝั่งแม่น้ำมีซากวัดวาอาราม
เศษภาชนะดินเผาเคลือบและไม่เคลือบอยู่ทั่วไป
นอกจากนั้นยังพบพระพุทธรูปและชิ้นส่วนพระพุทธรูปสกุลช่างพะเยาตามที่ต่าง ๆ
ทั่วไป อำเภอเทิงมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
เริ่มมีการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยขุนเจื๋อง ราชโอรสขุนจอมธรรม
ผู้ปกครองเมืองภูกามยาว (จังหวัดพะเยาในปัจจุบัน) ประมาณ จ.ศ. 482 (พ.ศ.
1663) เป็นหัวเมืองที่สำคัญของเมืองภูกามยาว
โดยเมืองเทิงอยู่ในความปกครองของราชวงศ์มังรายราวพุทธศตวรรษที่ 20-21
ต่อ
มาการปกครองได้แตกสาขาแยกเมืองออกปกครองมากขึ้น
เมืองเทิงจัดอยู่ในเขตปกครองของบริเวณนครน่าน
ตามพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ ร.ศ. 116 (พ.ศ. 2438) เรียกว่า กิ่งแขวงเมืองเทิง
เป็นหัวเมืองของบริเวณน่านเหนือ (หัวเมืองชั้นนอกที่อยู่ห่างไกลเรียกว่า
"บริเวณ" มีข้าหลวงบริเวณ
ดูแล) กิ่งแขวงเมืองเทิงได้จัดแบ่งหมู่บ้านต่าง ๆ เป็น 14 แคว้น เช่น
แคว้นเวียงเทิง มีเจ้าหลวงเทิง (ไชยสาร)
เป็นบุตรของเจ้าพรหมสุรธาดาแห่งนันทบุรีศรีนครน่านเป็นเจ้าหลวงเมือง
เทิงองค์สุดท้าย แคว้นบ้านหงาว แคว้นตับเต่า แคว้นน้ำแพร่ แคว้นบ้านเอียน
และแคว้นบ้านงิ้ว ในพ.ศ. 2442 กระทรวงมหาดไทยจึงให้พระยามหาอำมาตยาธิบดี
(เสง วิริยศิริ) เมื่อครั้งเป็นพระยาศรีสหเทพราชปลัดทูลฉลอง
ขึ้นมาจัดวางระเบียบการปกครองในมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือ
อันเนื่องแต่ได้ใช้พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ. 116 แล้วนั้น
และเพื่อที่กระทรวงมหาดไทยจะได้ตราข้อบังคับสำหรับปกครองมณฑลตะวันตกเฉียง
เหนือขึ้นใช้ในปีต่อไป ปีนี้พระยามหาอำมาตยาธิบดีได้มาที่จังหวัดน่าน
พร้อมด้วยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช (ครั้งนั้นยังเป็นเจ้าสุริยะพงษ์ผริตเดช)
เจ้าผู้ครองนคร พระยาสุนทรนุรักษ์ (เลื่อง ภูมิรัตน์)
ข้าหลวงประจำเมืองและเจ้านายท้าวพญาทั้งปวงประชุมปรึกษาตกลงวางระเบียบ
ราชการขึ้นใหม่ การปกครองท้องที่ใหม่ ได้แบ่งเขตแขวงเมืองน่านออกเป็น 8
แขวง แขวงน้ำอิงคือหนึ่งในแขวงทั้ง ๘ คือรวม เมืองเทิง เมืองเชียงคำ
เมืองเชียงแลง เมืองงาว เมืองเชียงของ เมืองเชียงเคี่ยน เมืองลอ เมืองมิน
ให้มีที่ว่าการแขวงตั้งที่เมืองเทิง ในปี พ.ศ. 2457
แต่ต่อมาได้แยกการปกครองจากจังหวัดน่านมาขึ้นตรงต่อจังหวัดเชียงราย ในปี
พ.ศ. 2475 แบ่งการปกครองออกเป็น 10 ตำบล
อำเภอเทิง หมายถึงอำเภออยู่บนที่ราบสูง มีน้ำแม่อิงไหลจากจังหวัดพะเยา
ผ่านอำเภอเทิงไปลงแม่น้ำโขงที่อำเภอเชียงของ จากลุ่มน้ำแม่อิงนี้เอง
แสดงว่ายุคโบราณดึกดำบรรพ์
บ้านเมืองที่อยู่ลุ่มน้ำแม่อิงย่อมเกี่ยวดองเป็นเครือญาติ
แล้วมีลักษณะสังคมและวัฒนธรรมเดียวกัน เทิง ในชื่ออำเภอเทิง
หมายถึงบริเวณที่สูง
เห็นได้จากแผ่นดินบริเวณนั้นยกตัวขึ้นสูงกว่าบริเวณอื่น
ดูได้จากถนนที่ไปจากจังหวัดพะเยา เมื่อจะเข้าอำเภอเทิง ถนนจะค่อยๆ
ลาดสูงขึ้น บริเวณอำเภอเทิงเป็นเขตที่สูง
มีคนอยู่อาศัยร่วมสมัยกับเมืองพะเยา, เมืองเชียงราย
ตั้งแต่ยุคก่อนรับพุทธศาสนา หรือก่อน พ.ศ. 1700
แล้วเติบโตเรื่อยมาจนรับพุทธศาสนา ถึงมีคูน้ำคันดินเป็นบ้านเมืองลุ่มน้ำอิง
แล้วมีฝีมือชำนาญทำพระพุทธรูปหินทรายจำนวนมากมายทั้งลุ่มน้ำอิง
กล่าวถึงเมืองเทิง(เมืองเติง) เมืองทเลิง(เมืองต๊ะเลิง)
เมืองเธิง(เมืองเทิง) เมืองเซิง หรือเมืองเชิง
เมื่อตะก่อน(แต่ก่อน)เมืองเทิงเป็นเมืองที่มีอำนาจเฉพาะ
เจ้าเมืองเทิงองค์สุดท้ายคือเจ้าหลวงเทิง (ไชยสาร)
เป็นบุตรของเจ้าพรหมสุรธาดา หรือเจ้าฟ้าอัทธวรปัญโญ
ต่อมาเป็นเจ้าเมืองน่านเพราะไปสวามิภักดิ์ ร.1 แห่งกรุงสยาม
เมืองเทิงจึงถูกรวมกับเมืองน่าน จนถึงในสมัยร.5
แห่งสยามได้แยกไปรวมกับเมืองแถวๆนั้นเป็นน่านเหนือต่อมาแยกเป็นจังหวัด
(น่าจะอยู่ในอำเภอพะเยา) แต่มาเมื่อแยกพะเยาออกจากจังหวัดเชียงราย
ชื่อเมืองเทิงก็ติดไปทางเชียงรายจนกลายเป็นอำเภอหนึ่งไป
ในตำนานพระเจ้าเลียบโลกที่พระองค์เสด็จมาแล้วประทานพระเกศาธาตุ
ซึ่งบรรจุอยู่ในพระธาตุจอมจ้อ และทำนายว่าต่อไปนี้จะมีเมืองชื่อเมืองเทิง
อันหมายถึงการมาถึงของพระพุทธองค์
ที่เมืองเทิงเป็นแหล่งที่ค้นพบพระพุทธรูปหินทราย อันเป็นฝีมือช่างสกุลพะเยา
อันแสดงถึงว่าในอดีตถูกครอบงำทางศิลปวัฒนธรรมจากเมืองภูกามยาว
เมืองเทิงเป็นเมืองน้อยแต่กำลังคนมากเมืองเทิงจึงถือเป็นเมืองที่มีฐานะเป็น
เมืองโทนคือไม่ใช่เมืองขึ้น หมายถึงขึ้นโดยตรงต่อเมืองเชียงใหม่
(ขอยกตัวอย่างเมืองขึ้น เช่นเมืองวังเหนือ/ปัจจุบันอยู่บริเวณจังหวัดลำปาง
เมืองวังเหนือขึ้นต่อเมืองเชียงราย
ดังนั้นเมืองโทนคือเมืองเชียงราย)เช่นเดียวกัน เมืองเทิงก็เหมือนเมืองน่าน
เมืองแพร่ เมืองละคอน เมืองเชียงราย เมืองเชียงแสน คือเป็นเมืองโทน
อาณาเขตเมืองเทิงนั้นในปัจจุบันถูกแบ่งเขตเป็นอำเภออีก 2 อำเภอ คือ
อำเภอเทิง แบ่งไปเป็นอำเภอขุนตาล(ส่วนหนึ่งทางทิศใต้และตะวันตก)
และ(กิ่ง)อำเภอพญามังรายทั้งหมด
เมืองเทิงก่อนหน้านั้นสำคัญมากเพราะสืบเชื้อสายมาจากเจ้าเมืองน่าน
หรือเป็นลูกหลานเจ้าเมืองน่านมาปกครองหัวเมืองเทิง ทำให้ประวัติ
ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากเป็นช่วงสงคราม
และการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นการกบฏเงี้ยว หรือกับพม่า
แต่มีหลักฐานสำคัญคือบรรดาลูกหลานที่สืบสกุลมาจากเจ้าเมืองเหล่านั้นต่างนับ
ถึอกันเป็นญาติกันมาอย่างเหนียวแน่น ดังต่อไปนี้ นามสกุล ณ น่าน กิตติลือ
มหาวงศ์นันท์ มหาวงศ์ วงษ์วุฒิ ต้นคำ(ต้นคำไม่พบแล้ว) วุฒิพรม
ซึ่งจะสังเกตได้จากผู้หลักผู้ใหญ่ในอำเภอเทิงส่วนมากก็มาจากสกุลนี้
และจะไปอยู่ในตำบล รอบนอกที่เป็นแว้นแคว้นในสมัยก่อนก็มี ปู่ย่าตาทวด
ของนามสกุลเหล่านี้ ชาวบ้านอำเภอเทิงส่วนมากจะเรียกคำนำหน้านามว่า
พ่อนายแม่นาย อันหมายถึงลูกหลานเจ้าเมืองเมื่อก่อน
ซึ่งต้องเทียบเคียงกับเอกสารกับทางเมืองน่าน หรือพงศาวดารเมืองน่าน
เพราะว่าเป็นเหตุการก่อนที่เมืองน่านที่เป็นรัฐอิสระ
จะสวามิภักดิ์ต่อกรุงรัตนโกสินทร์
ดังนั้นเมืองเทิงตอนนั้นจึงถึอว่าเป็นเมืองสำคัญของเมืองน่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น